หลายปีที่ผ่านมาแสนสิริเราได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) เสมอมา และคอยสนับสนุนพวกเขาผ่านการอุดหนุน จนได้เป็นคู่ค้ากันจำนวนมาก แต่จากการแพร่ระบาดของโรค เราพบว่ามี SMEs จำนวนมากกำลังเผชิญกับปัญหา เราไม่สามารถปล่อยให้ SMEs ที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศล้มได้ มิเช่นนั้นประเทศของเราก็จะล้มลง
ต้นปีที่ผ่านมาแสนสิริจึงจับมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ร่วมกันจัดตั้งแคมเปญ Build For All ขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือ SMEs ทั่วประเทศ ให้ฟื้นฟูและขับเคลื่อนต่อไปได้ วันนี้เราชวน คุณอานนท์ วิทยะสิรินันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส ฝ่าย Partnership หนึ่งในผู้ที่เป็นหัวแรงสำคัญเบื้องหลังความสำเร็จของแคมเปญ Build For All มาช่วยเล่าถึงไอเดียที่มา และกิจกรรมต่างๆ ที่เราได้ทำไป เพื่อเป็นตัวอย่างให้องค์กรหรือบุคคลใดมาร่วมช่วยกันสนับสนุน SMEs ให้รอดไปด้วยกัน โดยไม่มีใครถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง
Sansiri Build for All
“Build for All เป็นแคมเปญที่เกิดขึ้นจากความเชื่อของคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่มองว่า SMEs คือ กระดูกสันหลังของประเทศ ถ้า SMEs ล้มก็จะส่งผลให้ทั้งประเทศล้ม เพราะฉะนั้นแสนสิริต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเหลือให้พวกเขาผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ เพื่อเพิ่มการแข่งขันในตลาด ลดปัญหาการผูกขาดของเจ้าใหญ่”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แสนสิริพยายามช่วยเหลือ SMEs มาโดยตลอด ทุกครั้งที่มีโอกาสเราจะช่วยอุดหนุนธุรกิจรายเล็กที่มีสินค้าน่าสนใจและมีคุณภาพเสมอ ปีที่แล้วเราได้สนับสนุน SMEs ไปทั้งหมด 1,000 ราย เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 4,000,000,000 บาท ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน เรายิ่งเห็นว่าต้องยื่นมือเข้าไปช่วยพยุง SMEs จำนวนมากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เพื่อให้รอดจากสถานการณ์นี้และกลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง
“เราจับมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งเป็นธนาคารที่ช่วยเหลือ SMEs เราจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือเป็นไปได้มากที่สุดอย่างรวดเร็ว ผมเปิดข่าวเห็นผู้คนกำลังลำบากเยอะมากทุกวัน เมื่อมีโอกาสเราควรจะทำอะไรบางอย่างที่ช่วยเหลือเขาได้ ไม่ต้องรอรัฐบาล ไม่ต้องรอให้ใครยื่นมือมา ถ้าบริษัททั้งหลายสามารถลุกขึ้นทำเหมือนที่แสนสิริทำตอนนี้ ผมเชื่อว่านี่คือสิ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีในประเทศได้ นี่คือสิ่งที่เราในฐานะมนุษย์คนหนึ่งควรทำ ไม่ว่าจะเล็กหรือน้อย เราควรจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง เพราะไม่แน่ว่าวันหนึ่งเหตุการณ์ที่เราเห็นในโทรทัศน์ก็อาจมาถึงเรา อาจจะเป็นพี่น้องเรา ครอบครัวของเราก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ทำวันนี้ มันอาจจะไม่มีพรุ่งนี้ให้ทำ”
ยิ่งซื้อยิ่งช่วย SMEs ให้แข็งแรง
“การซื้อจาก SMEs ให้มากขึ้น (Buy) เป็นหัวข้อแรกที่เราทำในแคมเปญ Build for All ซึ่งแสนสิริเราพยายามอุดหนุนสินค้าต่างๆ จาก SMEs เป็นประจำมาโดยตลอด และในแคมเปญนี้เราตั้งใจที่จะอุดหนุนให้ได้มากกว่าเดิม เพื่อช่วยเหลือพวกเขาให้ได้มากที่สุด” คุณอานนท์กล่าว
“SMEs เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของประเทศ การช่วยเหลือหรืออุดหนุนก็จะทำให้เศรษฐกิจและประเทศของเราแข็งแรงตามไปด้วย”
ปี 2563 แสนสิริได้อุดหนุน SMEs ทั้งหมด 900 ราย เป็นวงเงินจำนวน 4,000 ล้านบาท เช่นเดียวกันในปีนี้จนถึงปีหน้าและปีต่อๆ ไป เราก็ตั้งใจจะอุดหนุน SMEs ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มกำลังและช่วยเหลือให้พวกเขารอดจากวิกฤติโรคระบาดไปด้วยกัน โดยปีนี้เราตั้งเป้าไว้ที่ 1,500 ราย ในวงเงินถึง 6,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 2,000 ล้านบาท และเราตั้งใจที่จะทำเช่นนี้ไปตลอดทุกปีเพื่อส่งเสริมให้ SMEs ภายในประเทศมีความแข็งแรง ช่วยเสริมให้เกิดการแข่งขันในตลาด สร้างความแข็งแรงให้กับธุรกิจของประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องถูกผูกขาดโดยธุรกิจรายใหญ่
เข้าถึง SMEs ได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางของแสนสิริและ SCB
สร้างช่องทางการเข้าถึงลูกค้าใหม่ เป็นหัวข้อถัดมาที่เราทำในแคมเปญ Build for All ซึ่งเรามองว่า SMEs จำนวนมากมีสินค้าที่ดีและน่าสนใจ แต่กลับไม่ได้เป็นที่รู้จัก เพราะขาดช่องทางการเข้าถึง สิ่งที่เราทำได้ก็คือ แสนสิริมีช่องทางโซเชียลมีเดียที่มีลูกค้าติดตามอยู่เป็นหลักล้าน เรามีลูกบ้านอยู่หนึ่งแสนครอบครัว ซึ่งต่างก็มีพลังซื้อได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกัน SCB ก็มีฐานลูกค้าจำนวนหลายล้านไม่ต่างกันอยู่ทั่วประเทศ เราจึงร่วมมือกันใช้พื้นที่ของเราช่วยโปรโมทสินค้าต่างๆ ของ SMEs ไปสู่ผู้คน”
สำหรับผู้ที่สนใจอยากสนับสนุนกลุ่ม SMEs ที่แสนสิริและ SCB ช่วยเหลือสามารถติดตามพวกเขาได้ที่เว็บไซต์ Sansiri.com/SansiriForSMEs
ซึ่งเราแบ่ง SMEs เป็น 6 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1. อุปกรณ์ก่อสร้าง
2. เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
3. ผู้รับเหมาก่อสร้าง
4. ผู้รับตกแต่งภายใน
5. บริการที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในบ้าน
6. อาหาร
นอกจากช่องทางออนไลน์ เรายังเพิ่มโอกาสการเข้าถึงของลูกค้าผ่านการจัดตลาดต่างๆ เช่น ตลาดนัด Sansiri Family Market และ Winter Market Fest เพื่อให้คนสามารถเข้าถึงกลุ่ม SMEs ได้มากขึ้น และสำหรับกลุ่ม SMEs ที่มีลักษณะเป็น Food Truck เราได้ร่วมมือกับ WeChef จัดเป็นตลาดนัด Food Truck ขึ้นมา โดยเวียนไปจัดในพื้นที่หมู่บ้านต่างๆ ของแสนสิริ ซึ่งเรามีฐานครอบครัวที่ดูแลอยู่ถึง 100,000 ครอบครัว
ผลักดันเข้าสู่ตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงลูกค้า
“เราค้นพบว่า SMEs บางเจ้ายังขาดช่องทางการขายบนพื้นที่ออนไลน์ ซึ่งถือเป็นตลาดที่ผู้คนจำนวนมากใช้บริการอยู่ในปัจจุบัน ยิ่งในสถานการณ์นี้ที่มีการล็อกดาวน์ ลดการพบปะกันโดยตรง ช่องทางออนไลน์จึงกลายเป็นช่องทางหลักในปัจจุบันที่กลุ่ม SMEs จะสามารถเจอกับกลุ่มลูกค้าได้”
“การผลักดันให้เข้าสู่ตลาดออนไลน์ คือการเปิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ และช่วยทำให้พบกลุ่มลูกค้าใหม่มากขึ้น”
เพื่อผลักดันให้ SMEs เข้าสู่ตลาดออนไลน์มากขึ้น เราจึงจับมือกับพาร์ตเนอร์ นั่นก็คือ NocNoc.com เว็บไซต์ตลาดออนไลน์สินค้าเกี่ยวกับบ้านและอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ และ Robinhood.in.th แพลตฟอร์มบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ โดยเราจะใช้ช่องทางนี้ ผลักดันให้ SMEs ที่ร่วมอยู่ในโครงการกับเราได้เข้าสู่พื้นที่ตลาดออนไลน์มากขึ้น ให้เขาได้มีกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่ม และมีวิธีการขายของที่ได้ผลและสะดวกยิ่งขึ้น
เสริมความแข็งแกร่ง เพิ่มความสามารถการแข่งขันให้ SMEs
“เราเชื่อว่า เมื่อ SMEs มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น พวกเขาจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศดียิ่งขึ้น และยังช่วยให้ธุรกิจของแสนสิริหรือธุรกิจอื่นๆ ต่างพากันพัฒนายิ่งขึ้นไปด้วย เพราะเราจะได้คู่ค้าที่มีศักยภาพมากขึ้น ท้ายที่สุดก็จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่ายและทั้งประเทศ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราให้ความสำคัญกับ SMEs เป็นอย่างมาก”
แสนสิริ จึงร่วมมือกับ SCB จัดกิจกรรมเสวนาให้ธุรกิจ SMEs ได้เรียนรู้วิธีการแข่งขันในตลาดโลกสมัยใหม่มากยิ่งขึ้น และเรายังได้มีการจับคู่ธุรกิจกับผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสม ให้เขาได้ช่วยพัฒนาในส่วนที่ SMEs ขาด เพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจมากขึ้น โดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายใดๆ
สร้างสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
“จากสถานการณ์โรคระบาด การประกาศล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้เกือบทุกธุรกิจกำลังเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จากรายได้ที่ลดลง ทำให้โอกาสในการพัฒนาหรือเติบโตของ SMEs ในปัจจุบันเป็นไปได้ยาก แสนสิริ กับ SCB จึงร่วมมือกันเข้ามาช่วยเหลือปัญหานี้ของ SMEs”
สำหรับกลุ่ม SMEs ที่อยู่ในพอร์ตของ แสนสิริ และ SCB เรามอบสิทธิพิเศษโดยการให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 1.99% เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้ SMEs สามารถนำไปใช้เพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจในช่วงสถานการณ์โรคระบาดนี้ โดยเราตั้งวงเงินสินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการนี้ไว้รวมกันถึง 1,000,000,000 บาท เพื่อกระจายให้กลุ่ม SMEs ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทั้งหมดนี้คือ 5 หัวข้อจากแคมเปญ Build for All ที่เราเชื่อมั่นว่าจะช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ให้รอดพ้นจากสถานการณ์โรคระบาด และมีศักยภาพมากขึ้น สร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับเศรษฐกิจในประเทศเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง ซึ่งเราหวังให้เกิดขึ้นโดยเร็ว